เลเซอร์ลดและ ป้องกันการเกิดแผลเป็นจากการผ่าตัดศัลยกรรม และแผลอุบัติเหตุ
📌ควรเริ่มรักษาเมื่อใด
เริ่มให้เร็วที่สุด เมื่อแผลหาย หรือหลังตัดไหม ไม่ควรทิ้งไว้ หากเริ่มรักษาแผลให้เร็วในช่วง 1-2 เดือนหลังแผลหาย เลเซอร์จะช่วยลดการเกิดแผลเป็นได้ผลสูงสุด
📌การรักษา
ถ้าเป็นแผลใหม่ การรักษาจะง่ายและไม่เจ็บ ไม่จำเป็นต้องทายาชา คนไข้สามารถกลับไปทำกิจกรรมได้ตามปกติ ใช้เวลารักษาเพียง 10-15 นาที
📌เห็นผลเมื่อใด
โดยทั่วไป หากเริ่มรักษาในช่วง 1- 2 เดือนหลังตัดไหม หรือแผลหายใหม่ทันที หลังรับการรักษาคนไข้สามารถเห็นผลการรักษาได้หลังการรักษาครั้งแรก พบว่าแผลเรียบเนียนขึ้น ขนาดแผลเล็กและจางลง
📌จำนวนครั้ง
ทำการรักษา ซ้ำทุก 1 เดือน 3-5 ครั้ง ขึ้นกับความรุนแรงและขนาดของแผลเป็น
แนวทางการดูแลแผลหลังผ่าตัด / อุบัติเหตุเพื่อป้องกันแผลเป็น
1. การดูแลเบื้องต้นทันทีหลังเกิดแผล
• ทำความสะอาดแผลด้วยน้ำเกลือปลอดเชื้อหรือสารฆ่าเชื้อที่อ่อนโยน
• ปิดแผลด้วยผ้าปิดแผลที่สะอาดและไม่ติดแผล (non-adherent dressing)
2. ป้องกันการอักเสบและการติดเชื้อ
• ใช้ยาฆ่าเชื้อหรือยาปฏิชีวนะเฉพาะที่ (ตามแพทย์แนะนำ)
• หลีกเลี่ยงการแกะแผล หรือให้แผลโดนน้ำมากในช่วงแรก
• หากมีอาการบวมแดง ปวด หรือหนอง ควรพบแพทย์ทันที
3. ควบคุมแรงตึงของแผล (Tension Control)
• หลีกเลี่ยงการขยับบริเวณที่มีแผลมากเกินไป
• ในบางกรณีอาจใช้เทปซิลิโคนหรือเทปปิดแผลเพื่อช่วยลดแรงดึงของผิวหนัง
4. การป้องกันแผลเป็นหลังแผลปิดสนิท
เมื่อแผลหายดี (โดยทั่วไปประมาณ 1-2 สัปดาห์หลังผ่าตัด):
• รีบเริ่มทำการรักษาด้วยเลเซอร์ลดแผลเป็น Pico laser ไม่ควรรอ
• ใช้ แผ่นซิลิโคนเจลหรือแผ่นซิลิโคนปิดแผล อย่างต่อเนื่อง (อย่างน้อย 12 ชั่วโมง/วัน เป็นเวลา 2-3 เดือน)
• ทาครีมลดแผลเป็น เช่น ที่มีสาร Allium cepa, Heparin, Allantoin, Silicone, Centella Asiatica
5. เลี่ยงแดดในระยะยาว
• แผลใหม่ไวต่อแสงแดด หากโดนแสงแดดจะเกิด รอยดำ (hyperpigmentation) ได้ง่าย
• แนะนำให้ใช้ ครีมกันแดด SPF 30 ขึ้นไป และสวมเสื้อผ้าปกปิดบริเวณแผล
6. หัตถการเพิ่มเติมกรณีเริ่มเกิดแผลเป็น
หากเริ่มมีแผลนูน หรือแผลเป็นแข็ง ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง อาจใช้วิธี:
• ฉีดยาสเตียรอยด์ในแผล
• เลเซอร์ลดรอยแผลเป็น Pico laser, Endymed
• คลื่นวิทยุลดรอยแผลเป็น SylfirmX
• Silicone patch หรือ Gel อย่างต่อเนื่อง