ปรึกษาแพทย์ ทาง LINE

กรุงเทพ & พิษณุโลก นิติธรรมคลินิก

จันทร์ - อังคาร : 11:00 - 19:00
พฤหัสบดี - อาทิตย์ : 11:00 - 19:00
หยุดทุกวันพุธ
16
ต.ค.

เลเซอร์รักษาแผลเป็น “แผลเป็นแบบไหน” ที่คุณหมอจัดการได้? ต้องทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผล?

แผลเป็น ไม่ได้ส่งผลต่อความสวยงามภายนอก แต่หลายครั้งยังสะเทือนถึงความมั่นใจ โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในจุดที่มองเห็นได้ง่าย เช่น ใบหน้า แขน ขา การใช้ เลเซอร์รักษาแผลเป็น ถือเป็นวิธีที่ได้รับความนิยม เพราะช่วยปรับให้รอยแผลจางลงได้โดยไม่ต้องผ่าตัด และไม่ต้องพักฟื้นนาน แต่คำถามที่หลายคนสงสัยคือ แผลแบบไหนที่เลเซอร์ช่วยได้? ต้องทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผล? บทความนี้มีคำตอบ

แผลเป็นมีกี่ประเภท และแบบไหนที่เลเซอร์ช่วยได้จริง

1. แผลเป็นนูน (Hypertrophic scar)

เป็นแผลเป็นที่นูนขึ้นจากผิวเดิม เกิดหลังผ่าตัดหรือแผลขนาดใหญ่ แต่อยู่ภายในขอบของแผลเดิม ไม่ลุกลาม

2. คีลอยด์ (Keloid scar)

คล้ายกับแผลเป็นนูน แต่จะขยายตัวออกนอกขอบแผลเดิม ดูเป็นก้อนแข็ง มีอาการคันหรือเจ็บร่วมด้วย รักษายากกว่าแบบอื่น

3. แผลเป็นหลุม (Atrophic scar)

เกิดจากการสูญเสียเนื้อเยื่อ เช่น รอยหลุมสิว แผลอีสุกอีใส รอยเหล่านี้จะบุ๋มลงไปจากผิวเดิม

4. แผลเป็นสีเข้ม หรือรอยดำ (Post-inflammatory hyperpigmentation)

แผลที่หายแล้วแต่ยังทิ้งรอยคล้ำ หรือแดงไว้ มักเกิดหลังแผลไหม้ สิว หรือรอยถลอก

เลเซอร์สามารถช่วยได้เกือบทุกประเภท ยกเว้นแผลเป็นที่อยู่ในช่วงอักเสบสดใหม่ หรือมีการติดเชื้อ ซึ่งควรให้แผลสมานตัวก่อน ส่วนแผลคีลอยด์จะต้องใช้เทคนิคพิเศษร่วมด้วย เช่น การฉีดยาเฉพาะจุด ร่วมกับเลเซอร์

เลเซอร์ช่วยแผลเป็นได้อย่างไร

หลักการของเลเซอร์ คือ การส่งพลังงานแสงไปยังผิวหนังชั้นลึก กระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนใหม่ ปรับระดับผิวให้เรียบเสมอกัน หรือทำลายเม็ดสีในรอยคล้ำ เพื่อลดสีของแผล

ชนิดของเลเซอร์ที่แพทย์นิยมใช้มีหลายแบบ เช่น

  • Fractional Laser ช่วยลดรอยหลุมและความขรุขระของแผล
  • Pulse Dye Laser (PDL) เหมาะกับแผลแดง แผลใหม่
  • Q-switched Nd:YAG Laser ใช้ลดรอยดำหลังแผล
  • CO2 Laser ช่วยปรับผิวที่นูนให้เรียบขึ้น
  • PicoCare Laser ช่วยลดการสร้างเนื้อเยื่อที่มากเกินไป ทำให้แผลเป็นยุบตัวลงและมีขนาดเล็กลง

ต้องทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผล

โดยทั่วไปจะเห็นการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ 2–3 ครั้งแรก แต่ การรักษาให้เห็นผลชัดเจนใช้เวลาประมาณ 4–6 ครั้ง หรือมากกว่านั้นในบางราย โดยเว้นระยะห่างกันประมาณ 3–6 สัปดาห์ เพื่อให้ผิวฟื้นฟูได้เต็มที่ จำนวนครั้งขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น

  • ประเภทของแผลเป็น (หลุมหรือคีลอยด์มักต้องใช้เวลานานกว่า)
  • ขนาดและความลึกของแผล
  • พฤติกรรมการดูแลผิวของคนไข้หลังทำ

แผลเป็นแบบไหนที่ควรรีบพบแพทย์

การรักษาเร็วจะช่วยให้ผลลัพธ์ดีขึ้น เพราะเนื้อเยื่อยังตอบสนองต่อการฟื้นฟูได้ง่ายกว่ารอยแผลที่ปล่อยไว้นาน

  • แผลเป็นนูนที่ขยายตัวเร็ว
  • แผลเป็นหลุมที่ลึกหรือมีจำนวนมาก
  • แผลเป็นบริเวณใบหน้าที่ส่งผลต่อความมั่นใจ
  • แผลที่ยังใหม่แต่เริ่มเห็นว่าผิวผิดปกติจากเดิม เช่น เริ่มนูนหรือคล้ำ

หลังทำเลเซอร์ ควรดูแลตัวเองอย่างไร

การดูแลหลังทำจะทำให้แผลฟื้นตัวไว และลดโอกาสเกิดรอยใหม่

  • หลีกเลี่ยงแสงแดด และทาครีมกันแดดทุกวัน
  • อย่าแกะ เกา หรือขัดผิวบริเวณที่ทำเลเซอร์
  • ทาครีมบำรุงผิวหรือยาตามที่แพทย์สั่ง
  • หลีกเลี่ยงการใช้สกินแคร์ที่ระคายเคือง เช่น กรดผลไม้, วิตามินซีแรง ๆ

เลเซอร์ เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ผิวฟื้นฟูได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเมื่อใช้กับแผลเป็นในช่วงเวลาที่เหมาะสม และอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ หากคุณมีแผลเป็นที่อยากลดเลือน ไม่ว่าจะหลุม สิว หรือแผลผ่าตัด ควรเริ่มต้นด้วยการเข้าพบแพทย์ เพื่อประเมินแนวทางที่เหมาะกับผิวของคุณโดยเฉพาะ

สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือจองคิวปรึกษาแพทย์ได้ที่

นิติธรรมคลินิก พิษณุโลก
โทร: 055-303899, 097-251-3390
Line: https://lin.ee/mxQAzch
Facebook: นิติธรรม คลินิก
นิติธรรมคลินิก กรุงเทพ (สีลม)
โทร: 095-289-9998
Line: https://lin.ee/kUu8NAt
Facebook: นิติธรรม คลินิก สาขาสีลม Btsศาลาแดง