ผิวแห้ง คัน ผื่นเห่อ…สัญญาณเตือนของ “โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง” และวิธีป้องกันไม่ให้ลุกลาม
อาการผิวแห้ง คัน และมีผื่นขึ้นตามตัวอาจดูเหมือนปัญหาทั่วไปที่เกิดขึ้นได้ง่าย โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศแห้งหรือเปลี่ยนฤดูกาล แต่หากอาการเหล่านี้เกิดขึ้นซ้ำ ๆ ร่วมกับผื่นที่ลุกลาม หรือมีอาการเรื้อรังที่รักษาแล้วไม่หาย อาจไม่ใช่แค่ผิวแห้งธรรมดา แต่อาจเป็นสัญญาณของภาวะที่เรียกว่า “โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง” โรคนี้พบได้บ่อยในเด็ก แต่ผู้ใหญ่ก็สามารถเป็นได้เช่นกัน โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติภูมิแพ้ เช่น หอบหืด หรือแพ้อากาศ หากละเลยหรือไม่ดูแลอย่างเหมาะสม โรคอาจลุกลามจนรบกวนชีวิตประจำวันได้มากกว่าที่คิด

เข้าใจโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังให้ลึกขึ้น
โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง คือ โรคเรื้อรังที่เกิดจากความผิดปกติของเกราะป้องกันผิวตามธรรมชาติ ทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่าย และไวต่อสิ่งกระตุ้นต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอากาศ สารเคมี หรือแม้แต่ความเครียด เมื่อเกราะผิวอ่อนแอ ผิวจะเกิดการอักเสบระยะยาว และนำไปสู่อาการแห้ง คัน และผื่นแดง โรคนี้มีลักษณะเป็น ๆ หาย ๆ มีอาการกำเริบในช่วงที่อากาศเปลี่ยน
อาการที่บ่งบอกว่าคุณอาจมีโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง
ผู้ที่มีโรคนี้จะมีอาการมากในช่วงวัยเด็ก และอาจดีขึ้นเมื่อโตขึ้น แต่ก็มีผู้ใหญ่จำนวนไม่น้อยที่เริ่มมีอาการครั้งแรกในวัยทำงาน อาจสับสนกับผิวแห้งธรรมดา
- ผิวแห้งหยาบ ลอกเป็นขุย โดยเฉพาะบริเวณข้อพับ แขน ขา หรือหลัง
- คันมาก โดยเฉพาะตอนกลางคืน หรือหลังอาบน้ำ
- มีผื่นแดงหรือตุ่มน้ำใส ขึ้นตามผิวหนัง
- ผื่นมักขึ้นซ้ำ ๆ ในตำแหน่งเดิม
- หากเกา อาจเกิดแผล หรือรอยดำตามมา
- บางรายอาจมีผิวหนังหนาขึ้นจากการเกาเรื้อรัง

สาเหตุที่ทำให้อาการกำเริบ
โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังมีสาเหตุจากหลายปัจจัยร่วมกัน ได้แก่
- พันธุกรรม
ผู้ที่มีพ่อแม่หรือญาติพี่น้องเป็นโรคภูมิแพ้ จะมีโอกาสเป็นโรคนี้สูงขึ้น
- เกราะป้องกันผิวอ่อนแอ
ส่งผลให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น และมีการอักเสบได้ง่าย
- สภาพแวดล้อม
อากาศแห้ง เย็น หรือมลภาวะสามารถกระตุ้นให้อาการกำเริบ
- สารระคายเคือง
เช่น น้ำยาซักผ้า สบู่ที่มีฟองมาก หรือผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำหอม
- ภาวะทางอารมณ์
ความเครียดและความวิตกกังวลมีส่วนทำให้อาการแย่ลง
- เชื้อจุลชีพ
บางกรณีอาจพบว่าผื่นติดเชื้อแบคทีเรียหรือยีสต์ ทำให้อักเสบรุนแรงขึ้น
การวินิจฉัยและดูแลเบื้องต้น
หากมีอาการเข้าข่ายโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง ควรพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยที่ถูกต้อง โดยแพทย์จะดูจากลักษณะผื่น ตำแหน่ง และประวัติทางครอบครัวร่วมด้วย หากมีภาวะแทรกซ้อน อาจมีการตรวจเพิ่มเติม เช่น ตรวจผิวหนัง หรือทดสอบภูมิแพ้
แนวทางการดูแลประกอบด้วย
- ให้ความชุ่มชื้นกับผิวอย่างสม่ำเสมอ
โดยเลือกมอยส์เจอไรเซอร์ที่ไม่มีน้ำหอมหรือสารกระตุ้น ไม่ควรรอให้ผิวแห้งมากก่อนทา ควรทาหลังอาบน้ำทันที
- ลดการใช้สบู่หรือผลิตภัณฑ์ที่มีฟองมาก
ควรเลือกสูตรอ่อนโยน หรือสบู่สำหรับผิวแพ้ง่าย
- หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่ทำให้คันหรือแพ้
เช่น น้ำร้อน อากาศแห้ง ฝุ่น หรือสารเคมีในชีวิตประจำวัน
- ไม่เกาผื่นหรือรอยคัน
เพราะจะยิ่งกระตุ้นให้ผิวอักเสบ หรือเกิดรอยถาวร
- หากอาการไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับยาทาเฉพาะจุด
เช่น ยากลุ่มสเตียรอยด์ หรือยากลุ่มอื่นที่ลดการอักเสบ

วิธีป้องกันไม่ให้ผื่นลุกลาม
- บำรุงผิวให้ต่อเนื่องแม้ไม่มีผื่น
ผิวของผู้ที่เป็นโรคนี้ยังคงมีแนวโน้มอ่อนแอ แม้ไม่มีผื่นแล้ว การทามอยส์เจอไรเซอร์จึงยังสำคัญ
- ปรับสภาพแวดล้อมให้อ่อนโยนกับผิว
ใช้เครื่องเพิ่มความชื้นในอากาศในช่วงที่อากาศแห้ง สวมเสื้อผ้าฝ้าย หลีกเลี่ยงผ้าขนสัตว์หรือผ้าใยสังเคราะห์
- ดูแลสุขภาพกายและใจ
ออกกำลังกายเบา ๆ พักผ่อนให้เพียงพอ และลดความเครียด เพราะอารมณ์ส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันโดยตรง
- ระวังผิวในช่วงอากาศเปลี่ยน
ฤดูหนาวหรือช่วงที่มีฝุ่นมาก ควรดูแลผิวเป็นพิเศษ และหลีกเลี่ยงการออกไปในที่ที่มีอากาศแห้งจัด
การดูแลผิวอย่างถูกวิธี และเข้าใจธรรมชาติของโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังจะช่วยให้สามารถใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติมากขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งการรักษาที่รุนแรง หากเริ่มมีอาการผิวแห้ง คัน หรือผื่นขึ้นซ้ำ ๆ อย่ารอให้ลุกลาม ควรเริ่มดูแลตั้งแต่ระยะเริ่มต้นจะได้ผลดีกว่าการปล่อยให้เรื้อรัง
สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือจองคิวปรึกษาแพทย์ได้ที่
นิติธรรมคลินิก พิษณุโลก
โทร: 055-303899, 097-251-3390
Line: https://lin.ee/mxQAzch
Facebook: นิติธรรม คลินิก
นิติธรรมคลินิก กรุงเทพ (สีลม)
โทร: 095-289-9998
Line: https://lin.ee/kUu8NAt
Facebook: นิติธรรม คลินิก สาขาสีลม Btsศาลาแดง